
วิธีการเพาะเห็ดสำหรับกินเองที่บ้าน ก็มีหลากหลายสายพันธุ์เห็ด เช่น เห็ดฟาง เห็ดเข็มทอง เห็ดโคน เห็ดนางฟ้า เป็นต้น การที่จะใช้ทดลองปลูกเห็ดขายก็ได้เช่นกัน และพร้อมวิธีสังเกตเห็ดพิษด้วย
รู้ไหมคะว่าเห็ดที่เราซื้อมากินนั้นก็สามารถปลูกเองที่บ้านได้ โดยใช้พื้นที่ไม่มาก เพราะซึ่งนอกจากทำให้เราได้กินเห็ดที่ชอบแล้ว ถ้ามีความชำนาญ และมีความสามารถปลูกขายเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักก็ทำได้ วันนี้เราขอแนะนำวิธีเพาะเห็ดหลากหลายชนิด และมาพร้อมวิธีสังเกตเห็ดพิษ ที่จะได้เลี่ยงเพราะอันตราย

ลักษณะทั่วไปของเห็ด
เห็ด (Mushroom) นั้นเป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง ที่เจริญเติบโตมาจากเส้นใย ถ้าหากได้รับอาหารเต็มที่แล้วก็จะเติบโตเป็นดอกเห็ด ที่มีลำต้นและหมวกดอก บริเวณใต้หมวกดอกก็จะมีครีบ ซึ่งจะเป็นอวัยวะสำคัญ เพราะเป็นที่เก็บสปอร์เพื่อสำหรับขยายพันธุ์ โดยเห็ดแต่ละชนิดจะมีหน้าตาและสีสันที่แตกต่างกันไป
ปกติเห็ดตามธรรมชาติก็จะขยายพันธุ์ได้ในทุกสภาพอากาศ ได้ทั้งอากาศร้อน ทั้งชายทะเล หรือแม้กระทั่งที่ในหิมะ และยังงอกได้ในต้นไม้ ที่พื้นดิน ที่มูลสัตว์ ที่ขอนไม้ เป็นต้น ซึ่งเห็ดงอกเหล่านี้ด็จะมีทั้งเห็ดกินได้และเห็ดมีพิษ

วิธีสังเกตเห็ดพิษ
ส่วนใหญ่เห็ดพิษนั้นจะเจริญเติบโตในป่าเขา โดยขึ้นใกล้มูลสัตว์ บริเวณที่ใกล้สารเคมี หรือข้างถนน โดยมีวิธีสังเกตเห็ดพิษ คือ หมวกเห็ดจะมีสีสันที่ฉูดฉาด เช่น สีส้ม สีมะนาว สีเหลือง หรือมีสีน้ำตาล หมวกเห็ดก็มักจะมีปุ่มปม มีปลอกหุ้มโคน จะมีวงแหวนใต้หมวก มีโคนที่อวบใหญ่ และมีหมวกเป็นรู
เมื่อดอกแก่ก็จะมีกลิ่นรุนแรง มีขนหรือหนามเล็ก ๆ ที่บริเวณโคน สายพันธุ์เห็ดพิษ เช่น เห็ดหมวกจีน เห็ดเกล็ดดาว เห็ดระโงกพิษ เห็ดระโงกหิน เห็ดถ่านเลือด เป็นต้น ถ้าหากไม่แน่ใจก็ไม่ควรที่จะเก็บมาประกอบอาหาร เพราะเนื่องจากการทำสุกก็ไม่ได้ทำให้พิษหายไป
สายพันธุ์เห็ดน่าปลูก

1. เห็ดฟาง
เห็ดฟาง (Straw Mushroom) เป็นหมวกเห็ดที่เป็นรูปร่มสีขาวอมเทา จะมีสีเทาอ่อนถึงเทาเข้มผิวเรียบ โดยนิยมกินในช่วงดอกตูม ถ้าเลยช่วงนี้ไปก็จะมีการยืดตัว โดยก้านดอกเห็ดจะโผล่ขึ้นมาและหมวกดอกจะบานออก
วิธีเพาะเห็ดฟาง : โดยภาชนะที่ใช้เพาะสามารถใส่ตะกร้า ถังน้ำ หรือบนฟางทุกชนิด โดยสามารถใช้วัสดุเพาะได้หลากหลาย อย่างเช่น กากถั่ว ต้นกล้วย ฟางข้าว โดยมีอาหารเสริมให้เพิ่มเติม เช่น มูลวัว รำ ผักตบชวา เปลือกถั่ว ผักบุ้ง เป็นต้น
ราคา : โดยประมาณ 70-150 บาทต่อกิโลกรัม (แต่ขึ้นอยู่กับขนาดของเห็ด)
เมนูแนะนำ : โดยนิยมนำมาทำเมนูต้มยำ แกงเห็ด ราดหน้า ลาบ ผัดผัก แกงเลียง เป็นต้น

2. เห็ดนางฟ้า
เห็ดนางฟ้า (Fairy Mushroom) หรือเห็ดแขก จะมีลักษณะคล้ายกับเห็ดนางรมและเห็ดเป๋าฮื้อ ซึ่งดอกเห็ดจะมีสีขาวจนถึงน้ำตาลอ่อน มีก้านดอกสีขาวขนาดยาว โดยไม่มีวงแหวนล้อมรอบ มีครีบดอกสีขาวอยู่ชิดกัน และจะมีเห็ดนางฟ้าอีกสายพันธุ์ก็คือ เห็ดนางฟ้าแบบภูฏาน ซึ่งที่เรียกชื่อเช่นนี้ เพราะเป็นเห็ดที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศภูฏาน
วิธีเพาะเห็ดนางฟ้า : วัสดุที่นิยมใช้ในการเพาะเห็ดนางฟ้า ก็คือ ขี้เลื่อยไม้ยางพารา หรือจากไม้เนื้ออ่อน หรือจากฟางข้าว และธาตุอาหารต่าง ๆ ที่นิยมกินในช่วงดอกเห็ดยังงุ้มอยู่ เพราะจะมีความนุ่มแน่น และรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์
ราคา : โดยประมาณ 60-70 บาทต่อกิโลกรัม
เมนูแนะนำ : นิยมนำมาทำเมนูยำ เห็ดฝอย ลาบ ผัดไข่ ต้มกินกับน้ำพริก ต้มยำ เป็นต้น

3. เห็ดเข็มทอง
เห็ดเข็มทอง (Golden Needle Mushroom) จะมีหมวกเป็นสีขาว มีก้านกลมมีขนาดเล็ก ขึ้นรวมกันแบบเป็นกลุ่ม ก้านยาวเรียว มีเนื้อเมื่อสุกจะมีลักษณะนุ่มลื่น เคี้ยวแล้วกรุบ ๆ หนึบ ๆ
วิธีเพาะเข็มทอง : วัสดุเพาะเห็ดก็จะใช้ขี้เลื่อยยางพารา แกลบ รำ หรือ ข้าวโพดอบ เป็นต้น
ราคา : โดยประมาณ 35-50 บาทต่อกิโลกรัม
เมนูแนะนำ : นิยมนำมาทำเมนูสุกียากี้ แกงจืด ผัดผัก หรือเอาไปชุบแป้งทอด

4. เห็ดโคน
เห็ดโคน (Termite Mushroom) หรือเห็ดปลวก จะมีลักษณะหมวกที่เป็นทรงกรวยคว่ำ มีสีครีมจนถึงสีน้ำตาลอ่อนปนเหลือง หรือมียอดนูนแหลมหรือทู่ มีก้านดอกอาจมีวงแหวนหรือมีเยื่อบาง
วิธีเพาะเห็ดโคน : โดยปัจจุบันยังเพาะเลี้ยงไม่ได้ เพราะมักจะขึ้นในดินที่มีปลวกหรือจอมปลวก อีกทั้งอายุเห็ดโคนนั้นจะสั้นมาก อยู่ได้ประมาณ 3-5 วัน ตั้งแต่ออกดอกจนเหี่ยวเฉาและตายไป
ราคา : โดยประมาณ 70-200 บาทต่อกิโลกรัม อาจจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ย่อย
เมนูแนะนำ : นิยมนำมาทำอาหาร เช่น ต้มน้ำปลา ผัดน้ำมันหอย เมนูยำ ลาบ ต้มเค็ม เป็นต้น

5. เห็ดออรินจิ
วิธีเพาะเห็ด
เห็ดออรินจิ (Oringi Mushroom) หรือเรียกว่า เห็ดนางรมหลวง มีหมวกเห็ดมีสีน้ำตาลอ่อน และมีความหนา มีก้านสีขาวนวลอวบ และเวลาออกดอกมาจก็ะไม่เป็นกลุ่มก้อน
วิธีเพาะเห็ดออรินจิ : วัสดุที่ใช้ปลูกก็คือ ขี้เลื่อยหรือฟางข้าว และมีธาตุอาหารต่าง ๆ ที่ต้องเลี้ยงในระบบปิดที่อุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็น โดยประมาณ 25 องศาเซลเซียส
ราคา : โดยประมาณ 65-80 บาทต่อกิโลกรัม
เมนูแนะนำ : นิยมนำมาย่าง ผัดกระเทียม ชุบแป้งทอด ผัดไข่ ผัดพริกเผา คั่วน้ำปลา เป็นต้น
สำหรับใครที่ชอบกินเห็ดและอยากจะเพาะเห็ดไว้กินเอง ก็ลองมาเลือกชนิดเห็ดที่ชอบแล้วสามารถลงมือปลูกกันได้เลย แต่ทั้งนี้ก็ควรมีพื้นที่และเวลาที่จะดูแลด้วย เพราะรับรองคุณจะได้เห็ดสวย ๆ และอร่อยจะอยู่ไม่ไกลเกินฝัน